Blog

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อในแต่ละโรงพยาบาล

Share Post:

ข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดจากการสึกหรอและเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดแรงกระแทกและช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อกระดูกอ่อนนี้สึกหรอ ข้อเข่าจะเกิดการเสียดสี ทำให้เกิดอาการปวด บวม และตึงเครียดในข้อเข่า ปัญหานี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุเนื่องจากการใช้งานข้อเข่ามาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีวิถีชีวิตที่ต้องใช้ข้อเข่าในการทำกิจกรรมหนัก ๆ ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เช่น นักวิ่ง นักยกน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องยืนนาน ๆ ในการทำงานประจำวัน

ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?

ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee) เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนที่ปกคลุมผิวข้อเข่า กระดูกอ่อนนี้ทำหน้าที่สำคัญในการลดแรงเสียดทานและป้องกันไม่ให้กระดูกขัดสีกันขณะเคลื่อนไหว รวมถึงช่วยให้ข้อเข่าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นและไม่มีอาการเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป กระดูกอ่อนอาจเสื่อมลงเนื่องจากอายุ การใช้งานหนัก หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในข้อเข่าอย่างชัดเจน

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อย เนื่องจากกระดูกอ่อนมีแนวโน้มที่จะบางลงและเสื่อมสภาพตามธรรมชาติเมื่อคนเราอายุมากขึ้น นอกจากนี้ น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานยังเป็นสาเหตุสำคัญที่เพิ่มแรงกดและแรงเสียดทานต่อข้อเข่า ส่งผลให้เกิดการสึกหรอได้เร็วยิ่งขึ้น กิจกรรมที่ต้องใช้ข้อเข่าซ้ำ ๆ หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น

อาการของข้อเข่าเสื่อม

  • อาการปวดข้อเข่า มักเริ่มปวดเมื่อใช้งานข้อเข่ามากขึ้น เช่น เดิน วิ่ง หรือขึ้นลงบันได
  • ข้อฝืดตอนเช้า หลังจากตื่นนอนจะรู้สึกว่าข้อเข่าขยับได้ยากและอาจใช้เวลา 10-15 นาทีถึงจะคลาย
  • เสียงกรอบแกรบในข้อ เกิดจากการเสียดสีของกระดูกในข้อ
  • บวมและอักเสบ อาจมีอาการบวมรอบข้อและรู้สึกอุ่นเมื่อสัมผัส
  • ข้อเสียรูป ในกรณีที่รุนแรง ข้อเข่าอาจมีลักษณะผิดปกติหรือเกิดการบิดเบี้ยว

แนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อม

การรักษาข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และ การรักษาแบบผ่าตัด

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

การใช้ยา

  • ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาในกลุ่ม NSAIDs
  • ยาชะลอการเสื่อมของกระดูกอ่อน เช่น Glucosamine และ Chondroitin
  • การทำกายภาพบำบัด การออกกำลังกายเฉพาะจุดและการบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าสามารถช่วยลดแรงกดที่ข้อได้

การฉีดยาเข้าข้อเข่า

  • การฉีด Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มความหล่อลื่นในข้อเข่า
  • การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ในข้อ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เพิ่มแรงกดดันต่อข้อเข่า เช่น การนั่งยอง ๆ และการยกของหนัก

2. การรักษาแบบผ่าตัด

  • การส่องกล้องข้อเข่า ใช้กล้องขนาดเล็กเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมภายในข้อ เช่น การกำจัดเศษกระดูกหรือกระดูกอ่อนที่เสียหาย
  • การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น การเปลี่ยนข้อเข่าเทียมสามารถช่วยลดอาการปวดและปรับปรุงคุณภาพชีวิต

โรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาข้อเข่าเสื่อม

ประเทศไทยมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในการรักษาข้อเข่าเสื่อม โดยโรงพยาบาลเหล่านี้มีทีมแพทย์เฉพาะทางและเครื่องมือที่ทันสมัย ต่อไปนี้คือบางแห่งที่ได้รับความนิยม

1. โรงพยาบาลศิริราช

  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อในระดับประเทศ
  • ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การสแกน MRI และการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
  • การรักษาแบบผ่าตัดข้อเข่าเทียมมีอัตราความสำเร็จสูง

2. โรงพยาบาลรามาธิบดี

  • ศูนย์กระดูกและข้อมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์
  • มีบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายที่ครบวงจร

3. โรงพยาบาลกรุงเทพ

  • โรงพยาบาลเอกชนที่มีมาตรฐานสากล
  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด
  • บริการห้องพักฟื้นที่มีความสะดวกสบาย

4. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

  • เน้นการดูแลเฉพาะบุคคลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • มีเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดข้อเข่า

5. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

  • มีแผนกกระดูกและข้อที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
  • มีการทำวิจัยเกี่ยวกับข้อเข่าเสื่อมเพื่อพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ข้อควรพิจารณาในการเลือกโรงพยาบาล

  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์  ความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่ควรพิจารณา โรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย่อมเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบประวัติการทำงานและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแพทย์ผู้ให้การรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและปลอดภัย
  • เครื่องมือและเทคโนโลยี โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยจะช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษาเป็นไปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสามารถลดระยะเวลาการรักษาและเพิ่มโอกาสฟื้นตัวของผู้ป่วย ตัวอย่างเช่น เครื่องมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยภาพถ่ายรังสีระบบดิจิทัลและอุปกรณ์การผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่าโรงพยาบาลมีการบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
  • ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องรับการรักษาที่ยาวนานหรือซับซ้อน ควรสอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายล่วงหน้า รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าห้องพัก ค่าบริการพยาบาล และค่ายา การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างโรงพยาบาลต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสมกับงบประมาณได้
  • บริการหลังการรักษา  การฟื้นฟูสมรรถภาพและการติดตามผลหลังการรักษาเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการฟื้นตัวของผู้ป่วย โรงพยาบาลที่มีบริการหลังการรักษาที่ครบครัน เช่น การทำกายภาพบำบัด การตรวจติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง และการให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นตัวและลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ

สรุป

การรักษาข้อเข่าเสื่อมในปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากขึ้นด้วยเทคโนโลยีและแนวทางการรักษาที่หลากหลาย การเลือกโรงพยาบาลที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่มีคุณภาพ หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญปัญหาข้อเข่าเสื่อม อย่ารอช้าที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

Stay Connected

More Updates